จริงๆ แล้วการใช้แป้งฝุ่นจะไม่ได้ก่อให้เกิดสารตกค้าง แต่สารทัลคัมในแป้งจะไม่สามารถย่อยสลายได้ด้วยจุลินทรีย์ธรรมชาติ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าหากสูดดมแป้งฝุ่นเข้าไปในปริมาณหนึ่งนานๆ อาจเกิดการสะสมแร่ทัลคัมภายในปอด เซลล์บุผิวปอดอาจจับแป้งเอาไว้เป็นก้อน ทำให้มีอาการระคายเคือง จนอาจมีอาการไอ ระบบหายใจขัดข้อง อึดอัด อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ และในเด็กทารกอาจเสี่ยงปอดอักเสบ ไปจนถึงเนื้องอกในปอด
ถึงจะมีงานวิจัยออกมาอยู่บ้าง แต่ปัจจุบันสารทัลคัมในแป้งฝุ่นก็ยังไม่ถูกประกาศให้เป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์อย่างชัดเจน เพราะยังไม่มีผลงานวิจัยที่ชัดเจนมากพอ และการใช้แป้งฝุ่นยังไม่ได้ก่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงไปถึงพันธุกรรม ในขณะที่สารก่อมะเร็งอื่นๆ เช่น บุหรี่ แอลกอฮอลล์ รอยไหม้ดำบนเนื้อสัตว์ สามารถก่อให้เกิดความเสียหายต่อสารพันธุกรรมได้ ดังนั้นแป้งฝุ่นยังถือได้ว่าอาจเป็นเพียง “ความเป็นไปได้” ที่จะเป็นสาเหตุของมะเร็งรังไข่ และโรคปอด แต่อาจยังไม่ใช่สารก่อมะเร็งอย่างชัดเจน เพราะโรคปอด และมะเร็งรังไข่ ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากมายนอกเหนือไปจากนี้
ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จัดผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นโรยตัว เป็นเครื่องสำอางควบคุมที่อาจเป็นอันตรายต่อสวัสดิภาพอนามัยของผู้บริโภค แต่ไม่เข้าข่ายเป็นผลิตภัณ์เสี่ยงอันตรายที่ต้องขออนุญาตขึ้นทะเบียนเครื่องสำอาง เพียงแต่บนฉลากต้องมีข้อมูลครบ และมีกำหนดห้ามมีส่วนผสมบางอย่าง รวมถึงห้ามมีส่วนผสมบางอย่างเกินกว่ากำหนดอีกด้วย
ดังนั้น เพื่อความสบายใจ และปลอดภัยไว้ก่อน สำหรับเด็กเล็ก ก็ไม่ควรทาแป้งฝุ่นมากเกินไป หรือนานเกินไป สำหรับผู้ใหญ่อย่างคุณผู้หญิงทั้งหลาย ก็ไม่ควรใช้แป้งฝุ่นในการขจัดความอับชื้นในบริเวณจุดซ่อนเร้นจะดีกว่า
ปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ จากผู้เชียวชาญผลิตภัณฑ์ เซอร์นิติน
โทร. 096-045-0590 (ทรู) 085-1555-012 (ดีแทค)
Line id : @cernitinshop
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น